Site menu
หมวด
ภาษาอังกฤษ [0] |
ประวัติศาสตร์ [0] |
ศาสนาและวัฒนธรรม [3] |
คณิตศาสตร์ [0] |
อาเซียน [1] |
สังคมศึกษา [0] |
ภาษาไทย [0] |
เทคโนโลยี [0] |
เกษตรกรรม [0] |
สุขภาพ อนามัย [0] |
จำนวนคนเข้าดู
โพล
สถานนะ
Total online: 1
Guests: 1
Users: 0
ค้นหา
Main » 2011 » July » 28 » แหล่งอารยธรรม มรดกโลก
2:14 AM แหล่งอารยธรรม มรดกโลก | |
เว้ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี หมู่โบราณสถานเมืองเว้ * มรดกโลกโดยยูเนสโก สุสานจักรพรรดิไคดินห์ ________________________________________ ประเทศ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประเภท มรดกทางวัฒนธรรม เกณฑ์พิจารณา (iv) ประวัติการจดทะเบียน จดทะเบียน 2536 (คณะกรรมการสมัยที่ 17) * ชื่อตามที่ได้จดทะเบียนในบัญชีมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก เว้ (เวียดนาม: Huế; จื๋อโนม: 化) เป็นเมืองเอกของจังหวัดถัวเทียน-เว้ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนช่วงปี พ.ศ. 2345-2488 มีชื่อเสียงจากโบราณสถานที่มีอยู่ทั่วเมือง จำนวนประชากรอยู่ที่ประมาณ 340,000 คน เนื้อหา [ซ่อน] • 1 สภาพทางภูมิศาสตร์ • 2 สถานที่ท่องเที่ยว • 3 ประวัติศาสตร์ • 4 มรดกโลก [แก้] สภาพทางภูมิศาสตร์ เมืองเว้ตั้งอยู่ในเวียดนามตอนกลาง ริมฝั่งแม่น้ำหอม ถัดเข้ามาในแผ่นดินจากริมฝั่งทะเลจีนใต้เพียง 2-3 ไมล์ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร และห่างจากโฮจิมินห์ซิตีไปทางเหนือประมาณ 644 กิโลเมตร [แก้] สถานที่ท่องเที่ยว ประตูเฮียนยาน Tu Hieu Pagoda ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำคือที่ตั้งของพระราชวัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของย่านประวัติศาสตร์ โบราณสถานและวัดสำคัญส่วนใหญ่ในเมืองเว้จะตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำจะเป็นเมืองใหม่ ซึ่งมีย่านธุรกิจและที่พักอาศัยมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเว้ส่วนใหญ่จะเป็นป้อมปราการ พระราชวังหลวง และสุสานจักรพรรดิ หมู่โบราณสถานในเมืองเว้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2536 เว้เป็นเมืองที่เงียบสงบและน่าค้นหา มีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเกิดที่เมืองนี้ หรือได้เคยมาเยือนเมืองนี้ ปัจจุบันเว้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของ เวียดนาม [แก้] ประวัติศาสตร์ แรกเริ่มนั้นเว้เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์เหงียน ซึ่งปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเวียดนามตอนใต้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-19 เว้มีฐานะเป็นเมืองหลวงของประเทศจนถึงปี พ.ศ. 2488 เมื่อจักรพรรดิเบาได๋แห่งเวียดนามทรงสละราชสมบัติ และมีการก่อตั้งรัฐบาลคอมมิวนิสต์ขึ้นที่ฮานอย ทางตอนเหนือของเวียดนาม ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 จักรพรรดิบ๋าวด่ายทรงได้รับการช่วยเหลือจากชาวฝรั่งเศสในอาณานิคม และทรงก่อตั้งเมืองหลวงใหม่ คือ ไซ่ง่อน ทางใต้ของประเทศ ในช่วงสงครามเวียดนาม เว้อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับอาณาเขตระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ โดยเว้อยู่ในอาณาเขตของเวียดนามใต้ ในปี พ.ศ. 2511 ตัวเมืองได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะโบราณสถานหลายแห่งที่ระดมยิงและถูกระเบิดจากกองทัพอเมริกัน แม้หลังสงครามสงบลงแล้ว เหล่าโบราณสถานก็ยังไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ เนื่องจากถูกกลุ่มผู้นำคอมมิวนิสต์และชาวเวียดนามบางส่วนมองว่าเป็น สัญลักษณ์ของระบอบศักดินาในอดีต แต่หลังจากที่แนวคิดทางการเมืองได้เปลี่ยนแปลงไป ก็เริ่มมีการบูรณะโบราณสถานบางส่วนมาจนถึงปัจจุบัน [แก้] มรดกโลก เมืองเว้ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 17 เมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่เมืองการ์ตาเฮนา ประเทศโคลอมเบีย ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้ • (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ • • • • • ประตูเฮียนยาน • • • แม่น้ำหอม • • • เจดีย์เทียนมู ฮอยอัน(Hoi An) เป็นเมืองเล็กๆ บนชายฝั่งทะเลจีนใต้ทางตอนใต้ของเวียดนาม มีประชากรประมาณ 120,000 คน ในเมืองฮอยอันเคยมีท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชื่อว่า Lâm Ấp Phố (Champa City) ในระหว่างศตวรรษที่ 7 และ 10 เมือง Champa เป็นเส้นทางการค้าเครื่องเทศที่สำคัญ ในปี 1999 เมืองเก่าแก่แห่งนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองมรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวเดินทางแบบแบ็คแพ็ค นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากนิยมมาซื้องานศิลปะและงานหัตถกรรม อินเตอร์เน็ตคาเฟ่,บาร์และภัตตาคารหลายแห่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ฮอยอันยังมีชื่อเรื่องก๋วยเตี๋ยว cao lầu ที่หาสามารถหาทานได้ที่นี่ที่เดียว รวมไปถึงมีชื่อเสียงเรื่องการทำโคมไฟที่เป็นเอกลักษณ์ ปราสาทจามหมีเซิน เมืองโบราณฮอยอัน และพระราชวังเว้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวมรดก ที่เป็นเป้าหมายของการเดินทางไปท่องเที่ยวในเวียดนามภาคกลางได้ โดยเฉพาะปราสาทจาม ของอารยธรรมฮินดูนี้ มีอายุอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 7 และเจริญรุ่งเรืองจนถึงจุดสูงสุดในศตวรรษที่ 9 ในบริเวณพื้นที่ภาคกลางของประเทศเวียดนาม ในปัจจุบันกลุ่มชนนี้ได้สลายตัวกลายเป็นชนกลุ่มน้อย เนื่องจากการทำสงครามและพ่ายแพ้ต่อชนรอบข้าง โดยเฉพาะ ขอม สยาม เวียดนาม จนประเทศล่มสลายไปนับพันปี เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก chiangmaicoffee.com,opnorthtour.com เชื่อว่าวันนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก หลวงพระบาง เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกในฐานะที่ "อนุรักษ์ความเก่าแก่ดั้งเดิมไว้ได้ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" (The best preserved city in South-East Asia) แน่นอนว่าที่นี่ยังมีความดิบของธรรมชาติ ความบริสุทธิ์ของอากาศ ในอุณหภูมิที่เย็นสบาย และวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของผู้คนให้เราได้เห็น ยิ่งช่วงฤดูหนาวแบบนี้ บรรยากาศคงดีไม่น้อย ว่าแต่ หลวงพระบาง จะมีอะไรน่าสนใจจนสามารถกระตุกต่อมนักเดินทางอย่างเราให้ไปเยือนได้บ้าง ตามมาดูกันเลย ประวัติเมืองหลวงพระบาง หลวงพระบาง ในอดีตเคยเป็นราชธานีศรีสัตนาคนหุตแห่งอาณาจักรล้านช้าง จึงทำให้เมืองนี้ เต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งล้านนาเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือวัฒนธรรม แต่เดิมนั้นเมืองหลวงพระบาง มีชื่อว่าเมืองชวา อันเนื่องมาจากมีชาวชวาอาศัยอยู่มากกว่ากลุ่มอื่น ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่ว่า เชียงทอง เรื่อยมา จนกระทั่ง กษัตริย์ขอมได้พระราชทานพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า พระบาง เป็นพระพุทธรูปศิลปะสิงหล เจ้าฟ้างุ้มจึงทรงเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "หลวงพระบาง" ปัจจุบันเมืองหลวงพระบางมีประชากรประมาณห้าแสนคน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เมืองหลวงพระบาง ตั้งอยู่ทางเหนือของนครเวียงจันทน์ ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร เชื่อมต่อถึงกันด้วยทางหลวงหมายเลข 13 ใช้เวลาเดินทางราว 8 – 10 ชั่วโมง เนื่องจากถนนที่ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม มีเครื่องบินจากนครเวียงจันทน์ถึงหลวงพระบางโดยสายการบินลาว ใช้เวลาบินประมาณ 45 นาที อย่างที่เกริ่นไปแล้วเบื้องต้นว่า หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้วยเหตุผล คือ มีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย มีบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์โคโลเนียลสไตล์ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมน้ำโขงและน้ำคาน ซึ่งไหลบรรจบกันท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม และชาวหลวงพระบางมีบุคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม ในขณะที่มรดกโลกแห่งอื่นอาจได้ขึ้นทะเบียนอย่างจำเพาะเจาะจงในโบราณสถาน ธรรมชาติ แต่หลวงพระบางทั้งเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของมวลมนุษยชาติ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2538 และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่ได้รับการปกปักษ์รักษาที่ดีที่สุดใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | |
|
Total comments: 0 | |